เจดอน ซานโช่ ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบยืมตัวเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา และเพิ่งยิงประตูสุดสวยในเกมที่ “เสือเหลือง” บุกพ่าย แอร์เบ ไลป์ซิก 4-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ประตูจากเกมดังกล่าว นับเป็นประตูที่ 2 ของดาวเตะวัย 24 ปี ในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ และเป็นประตูที่ 3 รวมทุกรายการให้ ดอร์ทมุนด์ อีกด้วย หลังยิงใส่ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นทำให้ตอนนี้เขาทำไปแล้ว 40 ประตูในบุนเดสลีกา มากกว่า โทนี่ วู้ดค็อก อดีตกองหน้าโคโลญจน์ 1 ประตู แต่ แฮร์รี่ เคน หัวหอกเพื่อนร่วมชาติยิง 35 ประตู มีโอกาสสูงที่จะทำลายสถิติในภายหลัง

ผลงาน 35 ประตูของ เคน เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ จ่อคว้าดาวซัลโวไปครอง โดยทิ้งห่าง เซห์รู กีราสซี่ ของสตุ๊ตการ์ท อยู่ถึง 10 ลูก

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าสถิติของ ซานโช่ จะถูก แฮร์รี่ เคน ทำลายในไม่ช้าเนื่องจากศูนย์หน้าทีม บาเยิร์น มิวนิค กระทุ้งไปแล้ว 35 ประตูจาก 31 นัดในซีซั่นแรกของเขากับ บุนเดสลีกา โดยกัปตันทีม สิงโตคำราม ซัดได้อีกสองเม็ดล่าสุดในเกมเปิดบ้านคว่ำ แฟร้งค์เฟิร์ต 2-1 เมื่อวันเสาร์เช่นกัน

จากผลงานที่น่าพอใจของ ซานโช่ เดอะ ซัน เผยว่า ดอร์ทมุนด์ ยินดีซื้อเขากลับมาร่วมทีมอย่างถาวรอีกรอบโดยเสนอค่าตัวให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พิจารณาเป็นจำนวน 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,610 ล้านบาท) ขณะที่ตัวนักเตะไม่น่าจะกลับสู่ โรงละครแห่งความฝัน หาก เทน ฮาก ไม่ถูกปลดในซัมเมอร์นี้

ข้อมูลส่วนตัว 

• ชื่อเต็ม : เจดอน มาลิค ซานโช่
• เกิด : 25 มีนาคม 2000
• อายุ : 21 ปี
• สัญชาติ : อังกฤษ
• ส่วนสูง : 180 เซนติเมตร
• ตำแหน่ง : ปีก

เส้นทางลูกหนัง

ซานโช่ เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลด้วยการเข้าสู่อะคาเดมีของสโมสร วัตฟอร์ด ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ก่อนจะพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาตามลำดับ โดยเจ้าหนูซานโช่มี “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เป็นสโมสรโปรด พร้อมกับมี แฟรงก์ แลมพาร์ด เป็นไอดอลของตัวเอง

หลังจากนั้น ซานโช่ ค่อยๆฉายแววจนได้รับความสนใจจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งในที่สุด “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็สมหวังดึงตัว ซานโช่ ในวัย 14 ปี ไปร่วมทีมได้สำเร็จเมื่อปี 2015 ภายใต้กฏระเบียบซื้อ-ขายผู้เล่นดาวรุ่งของอังกฤษ โดยดีลนี้ แมนฯ ซิตี้ จ่ายค่าตัว ซานโช่ ให้กับวัตฟอร์ดเป็นเงินเบื้องต้น 66,000 ปอนด์ และค่าตัวจะเพิ่มขึ้นสูงสุดให้ถึง 500,000 ปอนด์ในอนาคต

และเมื่อได้ย่างเท้าเข้ามาสู่ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเป็นสโมสรที่มีความเพียบพร้อมทุกด้าน ยิ่งทำให้ ซานโช่ พัฒนาตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด ถึงขนาดที่ประธานสโมสร คาลดูน อัล มูบารัค ประกาศเลยว่า ซานโช่ จะได้รับการผลักดันให้ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่โดยเร็วที่สุด

กระทั่งช่วงซัมเมอร์ปี 2017 แมนฯ ซิตี้ ต้องการที่เซ็นต่อสัญญาฉบับใหม่กับซานโช่ เพื่อกันท่าไม่ให้โดนทีมอื่นมาฉกตัวไป อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวตั้งเงื่อนไขว่าจะตกลงเซ็นก็ต่อเมื่อทีมเรือใบสีฟ้าการันตีโอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่ให้กับเขา ซึ่งกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยอมรับว่า ซานโช่ เป็นยอดนักเตะที่มีพรสวรรค์ก็จริง แต่ควรจะค่อยๆ สร้างกระดูกและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทีมเยาวชนต่อไปก่อน

อีกทั้งแผงแนวรุกของแมนฯ ซิตี้ในเวลานั้นก็เต็มไปด้วยแข้งซีเนียร์ระดับพระกาฬทั้ง ดาบิด ซิลบา, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาโด้ ซิลวา, เลรอย ซาเน่ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ดังนั้นการที่จะการันตีโอกาสลงสนามให้กับดาวรุ่งอายุแค่ 17 ปี จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย

และเมื่อการเจรจาไม่ลงตัว ทำให้ ซานโช่ แสดงทีท่าชัดเจนว่าต้องการย้ายทีม และเป็น “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา ที่กระโดดเข้ามาเจรจาและกระชากตัว ซานโช่ ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนส.ค. 2017 โดยดอร์ทมุนด์การันตีว่า ซานโช่ จะได้เข้าสู่ทีมชุดใหญ่ พร้อมกับมอบเสื้อเบอร์ 7 ให้ทันที หลังจากเจ้าของเดิมคือ อุสมาน เดมเบเล่ ย้ายไปยังบาร์เซโลน่า

“มันเป็นการก้าวออกจากบ้านเพื่อไปสู่เวทีอีกระดับหนึ่งในต่างประเทศ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าผมจะรับมือได้ดีแค่ไหน แต่ผมรู้สึกว่า ผมพร้อมแล้วสำหรับการเล่นในทีมชุดใหญ่ ดังนั้นผมจึงต้องการอะไรที่แตกต่างออกไป” ซานโช่ กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิต

สำหรับฤดูกาลแรกกับดอร์ทมุนด์ ซานโช่ได้ลงสนามในบุนเดสลีกา 12 นัด ยิงไป 1 ประตู ในซีซั่น 2017-18 ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับนักเตะอายุเพียง 17 ย่าง 18 ปี ที่หิ้วสตั๊ดออกมาค้าแข้งในลีกระดับท็อปของยุโรปเป็นครั้งแรก

จากนั้นฤดูกาล 2018-19 ซานโช่ ปรับตัวเข้ากับดอร์ทมุนด์ได้อย่างลงตัว และระเบิดฟอร์มสุดยอดจนก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีม โดยได้ลงสนามในลีกครบทั้ง 34 นัด (ตัวจริง 26 นัด) และซัดไปถึง 12 ประตู พร้อมกับครองตำแหน่งจอมแอสซิสต์ของลีก หลังจากจ่ายบอลให้เพื่อนจบสกอร์ได้ถึง 18 ครั้ง

ต่อมาซีซั่น 2019-20 กราฟลูกหนังของ เจดอน ซานโช่ ยิ่งพุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก ด้วยผลงานลงสนาม 44 นัดในทุกรายการ จัดไป 20 ประตู 20 แอสซิสต์

และฤดูกาลล่าสุด 2020-21 ฟอร์มของซานโซ่ก็ไม่ได้แผ่วลงไปเลย หลังจากกระหน่ำไป 16 ประตู กับอีก 20 แอสซิสต์ ซึ่งสถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ซานโช่ คือตัวรุกที่ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแอสซิสต์ หรือการจบสกอร์ด้วยตัวเองอันเฉียบขาด

จากฟอร์มอันร้อนแรงตลอดช่วง 1-2 ปีหลังที่ผ่านมานี่เอง ทำให้ชื่อของ ซานโช่ ถูกนำไปโยงกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีข่าวจ้องกระชากตัว ซานโช่ กลับมาลุยลีกผู้ดี มานานนับปี แต่ก็ยังไม่สามารถปิดดีลได้เสียที

กระทั่งล่าสุด สาวกเรดอาร์มี่ก็ได้เฮสนั่นลั่นทุ่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม 2021 โดยแมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศอย่างเป็นทางการ เปิดตัว ซานโช่ มาร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 73 ล้านปอนด์ พร้อมรับยูนิฟอร์มผีแดงหมายเลข 25 ไปครอบครอง เป็นอันจบมหากาพย์อันยาวนานนับปีลงไปเป็นที่เรียบร้อย

ผลงานทีมชาติ

ซานโช่ติดทีมชาติอังกฤษไล่มาตั้งแต่ชุดยู-16, ยู-17 และ ยู-19 โดยมีผลงานเด่นคือตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลยูโร ยู-17 ปี 2017 และแชมป์โลก ยู-17 ในปีเดียวกัน

ส่วนในทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ซานโช่ได้ลงประเดิมสนามให้กับทีมสิงโตคำรามนัดแรกด้วยวัย 18 ปี ในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่เสมอ โครเอเชีย 0-0 เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2018 จากนั้น ซานโช่ เบิกสกอร์แรกในนามทีมชาติได้ในเกมที่ชนะ โคโซโว 5-0 ในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2019

ต่อมา ซานโช่ ได้เป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติอังกฤษของกุนซือแกเรธ เซาธ์เกต ลุยศึกฟุตบอลยูโร 2020 โดยทีมสิงโตคำรามทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะอกหักพ่ายต่อดวลจุดโทษต่อ อิตาลี 2-3 ซึ่ง ซานโช่ เป็น 1 ใน 3 แข้งอังกฤษที่สังหารจุดโทษพลาด และจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ของทัวร์นาเมนต์

เกียรติประวัติ

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

• แชมป์เดเอฟเบ โพคาล 2020-21
• แชมป์เดเอฟเบ ซูเปอร์คัพ 2019
• ติดทีมยอดเยี่ยมบุนเดสลีกา 2018-19, 2019-20

ทีมชาติอังกฤษ

• รองแชมป์ยูโร 2020
• แชมป์โลก ยู-17 ปี 2017
• รองแชมป์ยูโร ยู-17 ปี 2017
• ผู้เล่นยอดเยี่ยมฟุตบอลยูโร ยู-17 ปี 2017