“เอริก เทน ฮาก” กุนซือของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ออกมาตอบชัด “แอนโทนี” ปีกค่าตัวแพงฟอร์มห่วยไม่เลิก โยงเทียบสมัยอยู่ “อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม”
วันที่ 28 ก.พ. 67 เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวเนเธอร์แลนด์ของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาตอบชัด แอนโทนี ปีกค่าตัวแพงระยับชาวบราซิล ฟอร์มย่ำแย่ไม่เลิก พร้อมโยงเทียบสมัยอยู่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเอเรดิวิซีลีก เนเธอร์แลนด์
ทั้งนี้ เอริก เทน ฮาก ออกมากล่าวถึง แอนโทนี ว่า “แน่นอนว่าเราจะสนับสนุนเขา (แอนโทนี) ผมรู้ว่าเขามีศักยภาพแค่ไหน ผมรู้ว่าเขามีอะไรที่ยอดเยี่ยมอยู่ในตัว แน่นอนว่าผมเห็นสิ่งนี้ ผมเห็นเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เขายิงได้ 24 ประตู 22 แอสซิสต์ จาก 88 นัด ผมเชื่อว่าเขาจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ เมื่อเขาอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ไม่มีกองหลังคนไหนจะสามารถหยุดเขาได้”
สำหรับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมบุกไปเยือน “เจ้าป่า” นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่สนาม ซิตี้ กราวด์ ในศึก เอฟเอ คัพ อังกฤษ 2023-24 รอบที่ 5 ค่ำคืนนี้ 02.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
ประวัติ แอนโทนี (Antony Matheus dos Santos)
ข้อมูลส่วนตัว:
- ชื่อเต็ม: แอนโทนี มาเตวส์ ดุส ซังตุส (Antony Matheus dos Santos)
- ชื่อเล่น: แอนโทนี (Antony)
- เกิด: 24 กุมภาพันธ์ 2000 (อายุ 23 ปี)
- สถานที่เกิด: เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล
- ส่วนสูง: 174 เซนติเมตร
- ตำแหน่ง: ปีกขวา
- สโมสรปัจจุบัน: แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- ทีมชาติ: บราซิล
ผลงาน:
- รางวัลส่วนตัว:
- รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของกังเปโอนาตูเปาลิสตา (2019)
- รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนเอเรอดีวีซี (ธันวาคม 2020)
- รางวัลความสามารถพิเศษประจำเดือนเอเรอดีวีซี (ธันวาคม 2021)
- รางวัลสโมสร:
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย (2022-23)
- ยูฟ่ายูโรปาลีก 1 สมัย (2020-21)
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย (2021)
- โกปา ซูดาเมริกานา 1 สมัย (2021)
- เรอัล โกปา 1 สมัย (2022)
บทบาทสำคัญ:
- แอนโทนี เป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งที่โด่งดังจากทักษะการเลี้ยงบอล การยิงประตู และความเร็ว
- เขาเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรเซาเปาโลในบราซิล ก่อนที่จะย้ายไปอัมสเตอร์ดัม อาแจ็กซ์ในปี 2020
- แอนโทนีมีบทบาทสำคัญในทีมอาแจ็กซ์ชุดคว้าแชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีกปี 2020-21
- เขาย้ายไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปี 2022 ด้วยค่าตัว 85 ล้านยูโร
- แอนโทนี ติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2021 และลงเล่นในฟุตบอลโลก 2022
เกร็ดน่ารู้:
- แอนโทนี เป็นแฟนคลับของโรนัลโด้ อดีตนักฟุตบอลชาวบราซิล
- เขามีรอยสักรูปคางคกบนแขนขวา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภในวัฒนธรรมบราซิล
- แอนโทนี ชอบฟังเพลงแร็พและฮิปฮอป
- เขาเป็นนักฟุตบอลที่ใจบุญ โดยมักบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในบราซิล
ลำพังความพ่ายแพ้ในนาทีบาปต่ออาร์เซนอล ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นใกล้เคียงกับการจะเป็นผู้ชนะ แต่ประตูของ อเลฮานโดร การ์นาโช กลับถูกริบคืนเพราะล้ำหน้าเพียงนิดเดียวก็แย่มากพอในความรู้สึกอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้สถานการณ์ภายในโอลด์แทรฟฟอร์ดยิ่งดูหนักหนาสาหัสมากเข้าไปอีก
เริ่มจากการโต้ตอบกันระหว่าง เอริก เทน ฮาก นายใหญ่ชาวดัตช์ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่สงสัยว่า จาดอน ซานโช ทำไมจึงไม่มีชื่อในเกมกับอาร์เซนอลว่าเป็นเพราะ “ซ้อมไม่ดีพอ” ที่ทำเอาสตาร์วัย 23 ปีต้องออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียว่า “อย่าไปเชื่อ” เพราะตัวเขาตั้งใจเสมอ และรู้สึกว่ากลายเป็น “แพะรับบาป” ของทีมตลอด
ระหว่างที่เรื่องนี้ยังไม่ทันจะขมวดปม เมื่อคืนที่ผ่านมาก็มีข่าวอื้อฉาวต่อเนื่องทันที เมื่อแอนโทนี ปีกจอมหมุนถูกสอบสวนในคดีทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว ซึ่งส่งผลให้เขาถูกตัดชื่อจากทีมชาติบราซิลในเกมที่จะลงอุ่นเครื่องช่วงโปรแกรมทีมชาติในสัปดาห์นี้ นี่คือระเบิดเวลา 2 ลูกใหม่ที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่กดดันอีกครั้ง
เทน ฮาก vs. ซานโช ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
ด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่มีชื่อของ จาดอน ซานโช ทำให้ เอริก เทน ฮาก ต้องตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายใหญ่ชาวดัตช์ที่กำลังหัวเสียจากการตัดสินในช่วงท้ายเกม 3 เหตุการณ์ ซึ่งเชื่อว่านำไปสู่ความพ่ายแพ้ 3-1 ต่ออาร์เซนอลให้คำตอบว่า “เป็นเรื่องของผลงานในการซ้อมที่ทำให้เราไม่เลือกเขา”
นั่นทำให้ซานโชออกมาตอบโต้ทันทีอย่างดุเดือดผ่านโซเชียลมีเดีย
“ได้โปรดอย่าเชื่อทุกอย่างที่คุณได้อ่าน!” ปีกทีมชาติอังกฤษเริ่มต้นด้วยประโยคนี้ ก่อนที่จะมีการชี้แจง – หรือพูดอีกนัยคือแก้ตัวว่า – “ผมไม่ยอมให้ใครมาพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ผมซ้อมอย่างดีในสัปดาห์นี้ ผมเชื่อว่ามันมีเหตุผลอื่นๆ ในเรื่องนี้ (ที่ทำให้เขาไม่ติดทีม) และผมจะไม่ลงรายละเอียดในเรื่องนี้ ผมเป็นแพะรับบาปมานานแล้ว ซึ่งมันไม่แฟร์เลย”
ในประโยคข้างต้นสิ่งที่ควรขีดเส้นใต้ไว้หนาๆ มากกว่าคำว่า ‘ซ้อมดี’ คือคำว่า ‘มันมีเหตุผลอื่นๆ’ ที่เขาไม่อยากจะลงในรายละเอียด
เหตุผลอื่นคืออะไร?
ใช่อย่างที่เขาลือกันหรือไม่ว่าเกิดคลื่นใต้น้ำของกลุ่มนักเตะที่ไม่พอใจเทน ฮาก ที่ให้ความสำคัญกับ ‘ไอแอ็กซ์คอนเนกชัน’ มากเป็นพิเศษ นักเตะที่เคยเป็นลูกทีมเก่าจะได้โอกาสก่อนคนอื่นเสมอ?
ซานโชยังบอกต่อว่า “สิ่งที่ผมต้องการจะทำคือการเล่นฟุตบอลโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้าและได้ทุ่มเทเพื่อทีม ผมเคารพการตัดสินใจของทีมโค้ช ผมได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ยอดเยี่ยมมากมาย และผมก็ดีใจที่ได้ทำสิ่งนี้ ผมจะพยายามสู้ต่อไปเพื่อทีมนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม”
ในประโยคนี้คำที่ต้องขีดเส้นใต้คือคำว่า ‘รอยยิ้มบนใบหน้า’ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ซานโชกำลังไม่มีความสุขในโอลด์แทรฟฟอร์ดหรือไม่?
และตรงนี้เองที่เป็นประเด็นละเอียดอ่อน
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 1 ปีที่แล้ว มีช่วงที่ซานโชได้รับอนุญาตให้ทำการพักฟื้นทั้งทางร่างกายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตใจ ซึ่งคนที่อนุญาตให้เขาไปพักได้ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็น เทน ฮาก เอง โดยในครั้งนั้นไม่ได้มีการให้รายละเอียดใดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เป็นที่เข้าใจกันว่าน่าจะเป็นเพราะซานโชประสบปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นตกต่ำอย่างหนักนับตั้งแต่ย้ายมาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชีวิตของเขาไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังเลย เพราะ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตผู้จัดการทีมดึงตัวมาก็อยู่ด้วยไม่นาน แถมตำแหน่งแห่งหนในทีมก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เพราะมี คริสเตียโน โรนัลโด โผล่มายึดศูนย์หน้าไปทำให้แนวรุกด้านบนต้องปรับกันจนงงไปหมด
ซานโชที่โดดเด่นกับดอร์ทมุนด์ในบทปีกขวา ถูกสลับมายืนปีกซ้ายแทน และดูมีปัญหาอย่างชัดเจนในการปรับตัว
เมื่อโซลชาร์ถูกปลด คนที่มาแทนอย่าง ราล์ฟ รังนิก ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของเขาดีขึ้นนัก และทุกอย่างยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อ เทน ฮาก เข้ามาโดยที่คิดมาจากบ้านแล้วว่าตำแหน่งปีกขวาจะต้องเป็นของแอนโทนี ลูกหม้อเก่าในทีมไอแอ็กซ์
นั่นทำให้ในฤดูกาลนี้เขามีโอกาสลงเล่นแค่ 76 นาทีเท่านั้นจาก 4 นัดที่ผ่านมา (มีชื่อ 3 นัด) และนับตั้งแต่ย้ายมาจากดอร์ทมุนด์เขาทำได้แค่ 12 ประตูกับ 6 แอสซิสต์จาก 79 นัด
แต่ในมุมกลับกัน ซานโชเองก็ถูกตั้งคำถามว่า แล้วที่ผ่านมาตัวเขาตั้งใจแค่ไหน? ทั้งๆ ที่ เทน ฮาก ก็เคยให้โอกาสเขา และเขาเองก็เหมือนจะกลับมาได้ในช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว โดยเฉพาะหลังยิงประตูสำคัญในเกมกับลิเวอร์พูลที่เป็นจุดพลิกผันแรกของฤดูกาลที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดตั้งหลักได้
มีรายงานว่าทั้ง เทน ฮาก และทีมโค้ชผิดหวังกับการซ้อมของจอมเลื้อยรายนี้อย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกตัดออกจากทีมในเกมกับอาร์เซนอล
ซานโชยังถูกแฉต่อว่าเคยมีประวัติในการมาซ้อมสายกับดอร์ทมุนด์เป็นประจำ รวมถึงเคยถูกตำหนิจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษด้วย
การที่เขาออกมาโต้ตอบใส่เทน ฮากแบบนี้ยังถูกมองว่าเป็นการตัดอนาคตของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อย โดยที่เหล่านักวิเคราะห์มองว่า ถ้าเขาทำแบบนี้ใส่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของโอลด์แทรฟฟอร์ด สิ่งที่เขาจะต้องเจอคือการเก็บข้าวของออกไปจากทีม หรือกลายเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตนทันที
ยกเว้นเสียแต่จะมีการเคลียร์กันเป็นการภายใน ยอมรับผิด และปรับปรุงตัวชนิดเป็นคนละคนเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนใจเทน ฮากได้
คาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าเรื่องราวนี้ออกมาว่าจะจบอย่างไร
สิ่งที่น่าสนใจคือมันดันเกิดสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนกับแอนโทนี เจ้าของตำแหน่งปีกขวา (ลูกรัก?) ที่ทำเอาแมนฯ ยูไนเต็ดหัวจะปวดอีกแล้ว
แอนโทนี ผู้ต้องหาคนใหม่
ภาพของ เมสัน กรีนวูด ที่เพิ่งเดินทางถึงสโมสรเคตาเฟ ในสัญญายืมตัว 1 ปีจนจบฤดูกาล (แต่สามารถยกเลิกสัญญาได้ในเดือนมกราคม) ถือว่าเป็นการจบปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานสำหรับทั้งสโมสร นักฟุตบอล และแฟนบอล
เป็นสัญญาณว่าทุกฝ่ายจะได้มูฟออนอย่างเป็นทางการเสียที
แต่ในวันเดียวกันนั้นเอง แมนฯ ยูไนเต็ด – โดยเฉพาะ ริชาร์ด อาร์โนลด์ ในฐานะซีอีโอของสโมสร – ต้องกลับมาปวดหัวอีกรอบ เมื่อมีรายงานข่าวจากประเทศบราซิลเกี่ยวกับคดีของแอนโทนี ปีก 360 องศาที่มีปัญหากับอดีตแฟนสาว กาบริเอลา คาวาลลิน
โดย UOL สำนักข่าวในบราซิลตีแผ่คดีที่คาวาลลิน กล่าวหาว่าแอนโทนีทำร้ายร่างกายเธอจนเกิดบาดแผลขึ้นหลายจุดพร้อมมอบหลักฐานให้ ไม่ว่าจะเป็น
- รูปภาพบาดแผลบนร่างกายที่ถูกทำร้ายโดยสตาร์ทีมชาติบราซิล
- ข้อความบน WhatsApp ที่แอนโทนีข่มขู่เธอ และขอโทษที่ทำร้ายและเตะเธอ
คาวาลลิน ซึ่งเป็นดีเจที่มีผู้ติดตามถึงครึ่งล้านคนเปิดเผยว่า เธอถูกแอนโทนีทำร้ายครั้งแรกในวันที่ 1 มิถุนายนปีที่แล้ว ในช่วงที่กำลังพักร้อนอยู่ในบ้านเกิดที่บราซิล โดยสตาร์แมนฯ ยูไนเต็ด เจอเธออยู่ในไนต์คลับที่เดียวกับที่เขาอยู่ ก่อนจะกระชากเธอขึ้นรถ พร้อมกับขู่ย้ำๆ ว่าจะทำร้ายเธอ และจะโยนเธอออกจากรถที่กำลังขับด้วยความเร็วสูง
โดยที่ระหว่างนั้นคาวาลลินกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งก็เป็นลูกของแอนโทนีเองด้วย
“เขาบอกว่าถ้าฉันจะไม่อยู่กับเขา ฉันก็ไม่สามารถจะไปอยู่กับใครได้ทั้งนั้น ฉันสั่นด้วยความกลัว”
จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายครั้งที่ 2 ขึ้นในวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา หนึ่งวันหลังจากที่แมนฯ ยูไนเต็ดเอาชนะแมนฯ ซิตี้ได้ 2-1 โดยเหตุเกิดที่โรงแรม 4 ดาว ไฮแอท รีเจนซี เมื่อแอนโทนีชกเธอเข้าที่กลางหน้าอก จนทำให้ซิลิโคนเสริมหน้าอกพลิกกลับ นอกจากนี้ศีรษะของเธอยังแตกด้วย
สตาร์ที่ย้ายมาด้วยค่าตัว 86 ล้านปอนด์พยายามบอกเธอว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย แค่จะผลักเข้าผนังเท่านั้น แต่สุดท้ายเธอต้องเข้ารับการรักษาตัว
เหตุการณ์ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา คราวนี้คาวาลลินบอกว่าแอนโทนีพยายามทำร้ายเธอด้วยเศษแก้ว ซึ่งเธอพยายามปกป้องตัวเอง และทำให้ได้แผลลึกจนเห็นกระดูกที่มือข้างขวา นั่นทำให้เธอตัดสินใจจะบินกลับบราซิลทันที
“ฉันต้องหนีกลับไปก่อนที่เขาจะฆ่าฉัน”
เรื่องราวทั้งหมดนี้ถึงมือเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งที่เซาเปาโลในบราซิล และแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ และทำให้สหพันธ์ฟุตบอลบราซิลตัดสินใจถอดชื่อเขาออกจากเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่จะพบกับโบลิเวียและเปรูก่อนเพื่อทำการสอบสวนในเรื่องนี้
ขณะที่เจ้าตัวออกมาโต้ตอบว่าอดีตแฟนสาว ‘สร้างหลักฐาน’ ขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีเขา โดยแม้จะมีปากเสียงกันแต่ไม่เคยถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
สตาร์วัย 23 ปียังยืนยันว่า เขาพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองกับทุกฝ่ายว่าเขาไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา และยังกล่าวหาคาวาลลินกลับด้วยว่าพยายามกุเรื่องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
สิ่งที่น่าสนใจคือแมนฯ ยูไนเต็ดจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร?
ในแง่ของความสะเทือนใจ เราอาจบอกได้ว่ากรณีของแอนโทนียังไม่เท่ากับกรณีของ เมสัน กรีนวูด ที่ทุกคนต้องช็อกกับภาพ เสียง และคำพูดที่เขาพูดกับแฟนสาว จนนำไปสู่การดำเนินคดีร้ายแรงทั้งข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่แอนโทนีทำจะผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนนั้น ต้องดูท่าทีของแมนฯ ยูไนเต็ดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะสั่งพักการเล่นไม่มีกำหนดในแบบเดียวกับที่กรีนวูดต้องเจอไหม? จนกว่าจะมีการตัดสินคดีอย่างเป็นทางการออกมา
หรือจะมีแนวทางในการจัดการอย่างไร ก็ต้องชัดเจนและเด็ดขาดมากพอที่จะทำให้ไม่เกิดความเคลือบแคลงสงสัยจากสังคมและแฟนฟุตบอลแต่ที่แน่ๆ คือเรื่องนี้จะเป็นอีกเคสที่ปวดหัวอย่างแน่นอน และอาจทำให้สโมสรต้องกลับมาทบทวนกันในเรื่องของการเฟ้นหาผู้เล่นที่อาจต้องใส่ใจกับประวัติ นิสัย ความประพฤติส่วนตัวของนักฟุตบอลกันมากขึ้น รอบคอบขึ้น
เพราะไม่เช่นนั้นหากเกิดกรณีแบบนี้อีก มูลค่าความเสียหายของมันมากมายมหาศาลไม่นับค่าเสียโอกาส ชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของสโมสรที่ประเมินค่าไม่ได้ และได้รับผลกระทบไปด้วยจากสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้